ฟุตบอลโลก 2022 นัดสุดท้าย รอบแรก คืนวันนี้ ลงเตะกัน 4 คู่ เกมน่าสนใจในกลุ่มอี เตะพร้อมกันเวลา 02.00 น. ตามเวลาไทย “ซามูไร บลู” ญี่ปุ่น ปะทะแข้ง “กระทิงดุ” สเปน ที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดีhยม และ อีกคู่ที่สนามอัล เบย์ต สเตเดีhยม “กล้วยหอม” คอสตาริกา วัดฝีเท้า “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี
กลุ่มนี้ยังมีโอกาสเข้ารอบกันหมด สเปน นำจ่าฝูง 4 แต้ม ตามด้วย ญี่ปุ่น และ คอสตาริกา ที่มี 3 แต้มเท่ากันแต่ ญี่ปุ่นประตูได้เสียดีกว่า และ เยอรมนี 1 แต้ม โดย สเปน ชนะคว้าแชมป์กลุ่มทันที แต่หากเสมอยังเข้าและจะเป็นแชมป์กลุ่มด้วย หากอีกคู่จบลงที่ผลเสมอ
อย่างไรก็ตาม หากสเปนแพ้ จะส่งญี่ปุ่นเข้ารอบ และ สเปนยังมีโอกาสตกรอบด้วยหากว่า สเปนแพ้ ในขณะที่ คอสตาริกาชนะเยอรมนี หรือเยอรมนีชนะด้วยสกอร์ที่ขาดลอย เพราะเวลานี้ผลต่างประตูได้เสียของเยอรมนีเป็นรองสเปน 8 ประตู
ขณะที่ ญี่ปุ่นแพ้ไม่ได้ จะตกรอบทันที และจะเข้ารอบถ้าชนะสเปน แต่ถ้าเสมออาจเข้ารอบได้ แต่อีกคู่ต้องเสมอด้วย หากว่า ญี่ปุ่นเสมอและอีกคู่ถ้าคอสตาริกาชนะจะแซงเข้ารอบ ถ้าเยอรมนีชนะดูผลต่างประตูได้เสียเทียบกับญี่ปุ่น
คอสตาริกา ชนะจะเข้ารอบโดยไม่ต้องดูผลอีกคู่ ถ้าเสมอก็ต้องลุ้นให้ญี่ปุ่นแพ้ ส่วน เยอรมนี ไม่มีทางเลือกอื่นต้องชนะอย่างเดียว และดูผลของญี่ปุ่นที่หากแพ้เยอรมนี จะเข้า ถ้า ญี่ปุ่นเสมอ เยอรมนี ต้องชนะและดูผลต่างประตูได้เสียที่เป็นรองญี่ปุ่น 1 ประตู
ฮาจิเมะ โมริยาสึ เฮดโค้ชทีมนักเตะญี่ปุ่น ยังต้องรอเช็กอาการบาดเจ็บของแนวรับทั้ง ฮิโรกิ ซากาอิ และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาหลัง ยังไม่แน่ว่าจะพร้อมหรือไม่ หลังทั้งสองคนพลาดเกมแพ้ คอสตาริกา 0-1 นอกจากนี้ วาตารุ เอนโด เพิ่งบาดเจ็บอีกคน อาจต้องเปลี่ยน ฮิเดมาสะ โมริตะ ทำหน้าที่แทน
แผนการเล่นน่าจะใช้ระบบ 3-4-3 ชูอิจิ กอนดะ เฝ้าเสา แนวรับมี มายะ โยชิดะ, โก อิตะคูระ, ฮิโรกิ อิโตะ แดนกลางมี มิกิ ยามาเนะ, ฮิเดมาสะ โมริตะ, อาโอะ ทานากะ, ยูโตะ นากาโตโมะ สำหรับเกมรุก จุนยะ อิโตะ, ไดจิ คามาดะ และ ทาคุมะ อาซาโนะ
ขณะที่ หลุยส์ เอ็นริเก กุนซือสเปน ที่เพิ่งเสมอ เยอรมนี 1-1 มีตัวผู้เล่นให้เลือกครบ ไม่มีใครบาดเจ็บเลย แต่อาจพัก กาบี ดาวเตะวัย 18 และส่ง โกเก ลงมาทำหน้าที่แทนเหมือนในเกมที่แล้วกับ เยอรมนี เซร์คิโอ บุสเกตส์ ถ้าโดนอีกใบเหลืองจะโดนแบน จึงน่าจะได้พักเช่นกัน โดยอาจขยับ โรดรี มาเล่นตำแหน่งถนัดแล้วส่ง เปา ตอร์เรส ยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ การ์ลอส โซแลร์ และ มาร์กอส ยอเรนเต ต่างคาดหวังว่าจะได้เป็นตัวจริง
แผนการเล่น 4-3-3 อูไน ซิมอน เฝ้าเสา แดนหลัง ฆอร์ดี อัลบา, อายเมอริก ลาปอร์กต์, เปส ตอร์เรส, ดานี การ์บาฮัล แดนกลาง โรดรี, เปดรี และ โกเก แผงเกมรุกเป็น เฟร์ราน ตอร์เรส, อัลบาโร โมราตาและ ดานี โอลโม
สถิติเจอกันของทีมชุดใหญ่หนเดียวในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2001 สเปน เฉือนชนะ 1-0
ส่วนกลุ่มเอฟ เตะพร้อมกันเวลา 22.00 น. “ตาหมากรุก” โครเอเชีย เจอกับ “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ทีมอันดับ 2 ของโลก แข่งที่อาห์หมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม และ “ใบเมเปิล” แคนาดา เจอกับ “สิงโตแอตลาส” โมร็อกโก ที่สนามอัล ธูมามา
สถานการณ์กลุ่มนี้ โครเอเชีย นำจ่าฝูงที่ 4 แต้ม รองลงมา โมรอกโก 4 แต้มเท่ากัน แต่ลูกได้เสียเป็นรอง 1 ประตู ตามด้วยเบลเยียม 3 แต้ม และ แคนาดา ไม่มีแต้มตกรอบไปเรียบร้อย
