คลื่นเมืองไทยแข็งแรง FM 99
รายการปัจจุบัน :

คลื่นเมืองไทยแข็งแรง FM 99

รายการปัจจุบัน :

มอเตอร์โชว์จองกว่า 77,000 คัน 5 รุ่นที่ขายดีสุดของรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 48%

ยอดการจองรถยนต์ในงาน มอเตอร์โชว์ 2025 เพิ่มขึ้นถึง 44% จากปีที่แล้ว ยอดจองรวมกว่า 77,000 คัน BYD จากจีน ขายดีอันดับหนึ่งด้วยจำนวน 10,353 คัน สะท้อนถึงความมั่นใจผู้บริโภคที่มีต่อรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ส่วนยานยนต์ใช้น้ำมันจากญี่ปุ่น ยังได้หายใจต่อแม้ยอดการจองจะไม่หวือหวาเหมือนในอดีต จับตามองให้ดี ปลายปี Toyota แชมป์เก่าหลายสมัยเตรียมปล่อยหมัดเด็ด ทวงบัลลังก์แชมป์คืนแน่

งานแสดงรถยนต์ใหญ่กลางปี หรืองาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 ณ ชาเล้นเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม (สำหรับสื่อมวลชนและรายได้จากบัตรมอบแก่การกุศล) จนถึงวันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา มียอดจองทั้งสิ้น (ทั้งในงานมอเตอร์โชว์รวมกับยอดจองจากโชว์รูมทั่วประเทศในช่วงเวลาเดียวกัน) จำนวนถึง 77,379 คัน โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงถึง 44 % เมื่อเทียบกับปี 2024 ซึ่งมียอดจองอยู่ที่ 53,438 คัน เป็นการเติบโตของการจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง

เมื่อดูรายละเอียดยอดการจองรถยนต์แต่ละรุ่นพบว่า ในปีนี้ยอดการจองยานยนต์ไฟฟ้า ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก ขณะที่กลุ่มยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ยังคงทรงตัวต่อไป หากพิจารณาถึงยอดขายเฉพาะกลุ่มรถไฟฟ้า จะพบว่า ปัจจัยสำคัญของการเลือกยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากจะมีราคาจับต้องได้แล้ว ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องของบริการหลังการขายและ การบริการด้านอะไหล่เป็นอย่างมาก แม้จะมีความวิตกเรื่องการลดราคาในภายหน้าก็ตาม ดังเช่นกรณีของ BYD ที่ลดราคายานยนต์หลายรุ่นลงมาจากวันเปิดตัวครั้งแรก แม้จะมีความวิตกว่าราคาอาจลดลงไปได้อีกแต่ประชาชนยังมั่นใจว่า ซื้อแล้ว จะมีการบริการด้านอะไหล่ และการรับประกันที่ไว้ใจได้ ขณะเดียวกัน NETA ซึ่งแม้จะมีการลดราคาลงมาอย่างมากเช่นเดียวกัน แต่กลับมียอดการจองเพียง 1,219 คันเนื่องจากปัญหาเรื่อง ผู้ใช้รถไม่ได้รับการบริการด้านอะไหล่และการซ่อมบำรุงจนทำให้เกิดวิกฤตกับบริษัทอยู่ในปัจจุบันเช่นเดียวกับยานยนต์ไฟฟ้ากระบะ RIDDARA ซึ่งตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดจากกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์โดยตรง แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค มียอดการจองเพียง 617 คันเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจเรื่อง อะไหล่และบริการหลังการขายโดยเฉพาะเมื่อเป็นการซื้อเพื่อทำธุรกิจการค้าที่จะต้องมีการใช้งานหนักและซ้อมบำรุงอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเปรียบเทียบ 5 อันดับแรกที่มียอดสุดจากกลุ่มรถไฟฟ้า กับกลุ่มเครื่องยนต์สันดาบภายใน จากปี 2024 พบว่า ยานยนต์กลุ่มไฟฟ้าจากจีน มียอดการจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้น หลายบริษัท อาทิ
BYD จากเดิม 5,345 คัน เพิ่มเป็น 10,353 คัน คิดเป็นอัตราเติบโต 48.37 %,
GAC AION จากเดิม 3,018 เพิ่มเป็น 7,018 คัน คิดเป็นอัตราเติบโต 56.99 %,
DEEPAL จากเดิม 3,073 คัน เพิ่มเป็น คัน 6,589 คัน คิดเป็นอัตราเติบโต 53.36 %,
MG จากเดิม 3,518 คัน เพิ่มเป็น 5,910 คัน คิดเป็นอัตราเติบโต 40.47 %,
GWM จากเดิม 2,815 คัน เพิ่มเป็น 4,959 คัน คิดเป็นอัตราเติบโต 43.23 %
ภาพรวมของรถไฟฟ้าจากจีน 5 อันดับที่ขายดีที่สุด ในปีนี้มี อัตราเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 48.48 %

ขณะที่ยานยนต์สันสันดาปภายในเจ้าตลาดเดิมจากญี่ปุ่น มีการเติบโตแบบทรงตัว มีทั้งขายดีขึ้น และลดลง อาทิ
Toyota เดิมมียอดจอง 8,540 คัน เพิ่มเป็น 9,915 คัน อัตราเติบโต 16.1 %,
Honda เดิมมียอดจอง 4,607 คัน เพิ่มเป็น 5,948 คัน อัตราเติบโต 22.54 %,
Mitsubishi เดิมมียอดจอง 3,409 คัน เพิ่มเป็น 4,398 คัน อัตราเติบโต 22.48 %,
Nissan เดิมมียอดจอง 2,488 คัน เพิ่มเป็น 3,139 คัน อัตราเติบโต 20.73 %,
Mazda เดิมมียอดจอง 2,292 คัน เพิ่มเป็น 2,353 คัน อัตราเติบโต 2.59 %,
ภาพรวมของรถสันดาบภายในจากญี่ปุ่น 5 อันดับที่ขายดีที่สุด ในปีนี้มี อัตราเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 16.88 %

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการเติบโตที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของงาน (44% ) อย่างมาก อย่างไรก็ตามในรายละเอียดการจำหน่ายพบว่า รถยนต์จากค่ายญี่ปุ่นที่เป็นพลังงานทางเลือก หรือ รถไฮบริดจ์ และรถไฟฟ้า 100% ได้รับความนิยมอย่างมากจนทำให้ไม่สามารถผลิตรถได้เพียงพอความต้องการเช่นกรณีรถไฮบริดจ์ของ Toyota ที่ขายดีจนไม่มีรถส่งลูกค้า ต้องขึ้นบัญชีการรอส่งมอบเอาไว้ก่อน ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองว่า แม้ในด้านสถิติการจำหน่ายในงาน โตโยต้าที่เคยครองแชมป์มาอย่างยาวนานนับ 10 ปีจะเสียตำแหน่งแชมป์ให้แก่ BYD ไป แต่ก็เป็นที่คาดหมายว่า Toyota จะเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้า หรือ ไฮบริดจ์ รุ่นใหม่ที่ประชาชนต้องการในช่วงหลังจากนี้ไปเพื่อให้กลับมาเป็นผู้จำหน่ายอันดับ 1 ได้ต่อไป

สรุปอันดับยอดขายในงานมอเตอร์ 2025
1. BYD + DENZA 10,353 คัน (BYD 9,819 / DENZA 534)
2. Toyota 9,815 คัน
3. GAC (AION + HYPTEC) 7,018 คัน
4. DEEPAL + AVATR + ChangAn 6,589 คัน (ChangAn-Deepal 6,067 / AVATR 522)
5. Honda 5,948 คัน
6. MG 5,910 คัน
7. GWM 4,959 คัน
8. Mitsubishi 4,398 คัน
9. Nissan 3,139 คัน
10. Isuzu 2,989 คัน
11. OMODA & JAECOO 2,568 คัน
12. Mazda 2,353 คัน
13. XPENG 1,399 คัน
14. NETA 1,219 คัน
15. ZEEKR 1,196 คัน
16. Suzuki 1,023 คัน
17. GEELY 1,018 คัน
18. FORD 1,001 คัน
19. Mercedes-Benz 870 คัน
20. RIDDARA 671 คัน
21. BMW 630 คัน
22. Hyundai 582 คัน
23. KIA 507 คัน
24. Volvo 366 คัน
25. MINI 202 คัน
26. AUDI 128 คัน
27. Juneyao 128 คัน
28. Lexus 84 คัน
29. Porsche 75 คัน
30. Peugeot 28 คัน
31. Jeep 16 คัน
32. Maserati 12 คัน
33. Aston Martin 4 คัน
34. Rolls-Royce 4 คัน
35. Others อื่นๆ 377 คัน

จำนวนรวม 77,379 คัน