ในที่สุดมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของชาวเอเชียอย่าง “เอเชียนเกมส์” ก็ได้กลับมาชิงชัยกันอีกครั้ง หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด” ไม่ต่างจากรายการกีฬาอื่นๆ ทั่วโลก ทำให้การแข่งขันถูกเลื่อนออกไปหนึ่งปีเต็มๆ เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 หรือ “หางโจว 2022” เดิมกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-25 กันยายน ปีค.ศ.2022 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ที่จีนมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทำให้เลื่อนไปจัดเป็นวันที่ 23 กันยายน- 8 ตุลาคม ปี 2023 แทน

ย้อนกลับไปเมื่อปีค.ศ. 1951 หรือเมื่อ 72 ปีที่แล้ว การแข่งขันเอเชียนเกมส์ ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย และนับจากนั้นเป็นต้นมา การแข่งขันกำหนดให้มีขึ้นทุก 4 ปีเช่นเดียวกับโอลิมปิกเกมส์ โดย 18 ครั้งที่จัดแข่งขันกันมา มี 9 ชาติที่มีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพได้แก่ อินเดีย, ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, ไทย, อิหร่าน, เกาหลีใต้, จีน และกาตาร์ ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพมากที่สุด จำนวน 4 ครั้งด้วยกันคือในปีค.ศ. 1966, 1970, 1978 และ 1998

ส่วน “เจ้าเหรียญทอง” ตลอดการแข่งขัน 18 ครั้งมีเพียง 2 ชาติเท่านั้นที่ทำได้ คือ จีนที่ครองตำแหน่งแชมป์ 10 ครั้งหลังสุด รวมถึงทำสถิติได้เหรียญรางวัลรวม 18 ครั้งที่ผ่านมามากที่สุด(1473 เหรียญทอง 994 เหรียญเงิน 720 เหรียญทองแดง) และญี่ปุ่นที่ครองเจ้าเหรียญทองในการแข่งขัน 8 ครั้งแรก พร้อมทั้งกวาดเหรียญรวมมาเป็นอันดับ 2 (1032 เหรียญทอง 1037 เหรียญเงิน และ985 เหรียญทองแดง) ส่วนประเทศไทยทำผลงานรวมทั้งหมดรวมได้ 132 เหรียญทอง 175 เหรียญเงิน และ 279 เหรียญทองแดง รั้งอันดับที่ 7 ของตาราง

ส่วนการแข่งขันครั้งล่าสุดที่กรุงจาการ์ตาและเมืองปาเลมบัง ของอินโดนีเซีย เมื่อปี 2018 จีน ครองเจ้าเหรียญทองด้วยจำนวน 132 เหรียญทอง 92 เหรียญเงิน และ 65 เหรียญทองแดง ขณะที่ไทยทำได้ 11 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน และ 46 เหรียญทองแดง มาเป็นอันดับที่ 11 ของตาราง

สำหรับ “หางโจว 2022” กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 40 ชนิดกีฬา ซึ่งในส่วนของทัพไทยนั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนทั้งสิ้น 941 คน แยกเป็นนักกีฬาชาย 509 คน นักกีฬาหญิง 432 คน
ขณะที่ความหวังของนักกีฬาไทยนั้น สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เชิญสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมชิงชัยมาแถลงความพร้อมและประเมินความคาดหวัง ในงาน “มีต เดอะ เพรส เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19”

ผลปรากฏว่า ทัพไทยตั้งเป้าหมายคว้าเหรียญรวมใน Meet the Press แล้ว 15 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 36 เหรียญทองแดง ดังนี้
ตะกร้อ 4 เหรียญทอง, ยิงปืน 2 เหรียญทอง, เอ็กซ์ตรีม 2 เหรียญทอง, เรือพาย 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง, เรือใบ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง, มวยสากล 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง, ยูยิตสู 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง, อีสปอร์ต 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน, กาบัดดี้ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง, เทควันโด 1 เหรียญทอง, กรีฑา 3 เหรียญเงิน, คูราช 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง, วูซู 1 เหรียญเงิน, ยูโด 3 เหรียญทองแดง, วอลเลย์บอล 2 เหรียญทองแดง
ขี่ม้า 2 เหรียญทองแดง, วินด์เซิร์ฟ 2 ทองแดง, จักรยาน 1 เหรียญทองแดง, รักบี้ 1 เหรียญทองแดง, แฮนด์บอล 1 เหรียญทองแดง, คริกเก็ต 1 เหรียญทองแดง, แบดมินตัน 1 เหรียญทองแดง, เทนนิส 1 เหรียญทองแดง, ซอฟท์เทนนิส 1 เหรียญทองแดง, สควอช 1 เหรียญทองแดง, ว่ายน้ำ 1 เหรียญทองแดง, คาราเต้ 1 เหรียญทองแดง, ลีลาศ 1 เหรียญทองแดง, ฟุตบอล 1 เหรียญทองแดง และ บาสเกตบอล 1 เหรียญทองแดง

มาร่วมกันส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล 11 สถานี ประกอบด้วย NBT2HD, Thai PBS, ททบ.5 HD, T Sports 7, JKN18, WORKPOINT TV 23, TRUE4U, GMM25, MCOT HD, Ch 7 HD และ PPTV HD36 และสามารถรับชมผ่านช่องทางโทรศัพท์มือถือ ช่องทางอินเตอร์เน็ต(IPTV) และ โทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก ทั้งบนแอปพลิเคชัน AIS PLAY, กล่อง AIS PLAYBOX, Android TV, SAMSUNG Smart TV, Apple TV และเว็บไซต์ https://aisplay.ais.co.th/portal

#ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ