บริษัทตรวจสอบบัญชี ดีลอยต์ เผยการวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อขายนักเตะของสโมสรพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในตลาดซื้อขายรอบนี้ว่า แม้จะยังเหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ก่อนปิดตลาด แต่ทีมพรีเมียร์ลีกก็ได้ทุบสถิติการใช้เงินในการซื้อนักเตะเข้าทีมรวมกันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์แล้ว โดยถึงขณะนี้ใช้เงินซื้อนักเตะรวมกันไปแล้วทั้งสิ้น 1,500 ล้านปอนด์ (64,500 ล้านบาท) ทำลายสถิติเดิมที่ทำไว้ 1,400 ล้านปอนด์ (60,200 ล้านบาท) ที่ทำไว้ในตลาดซัมเมอร์ปี 2017

ส่วนสถิติการใช้เงินรวมกันสูงสุดตลอด 1 ฤดูกาล กับตลาดซื้อขาย 2 รอบ อยู่ที่ 1,860 ล้านปอนด์ (79,980 ล้านบาท) เมื่อฤดูกาล 2017-18 คริส วู้ด ผู้ช่วยผู้อำนวยการ “สปอร์ตส์ บิสซิเนส กรุ๊ป” ในเครือดีลอยต์ กล่าวว่า ยอดการซื้อนักเตะที่สูงจนทำลายสถิติในตลาดรอบนี้เป็นสัญญาณบอกว่า โมเดลธุรกิจของสโมสรพรีเมียร์ลีกเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิดแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวโน้มไปในทางที่ดี สโมสรต่างๆ ควรระวังไม่ให้ใช้จ่ายเงินสูงจนเกินไป

จากข้อมูลตลาดรอบนี้จนถึงปัจจุบัน สโมสรต่างๆ ในพรีเมียร์ลีก ซื้อนักเตะที่มีค่าตัวเกิน 30 ล้านปอนด์ (1,290 ล้านบาท) ไปแล้วถึง 14 คน ขณะที่ในตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้ว มีนักเตะที่ค่าตัวในเกณฑ์เดียวกันเพียง 8 คนเท่านั้น

ตัวอย่างนักเตะค่าตัวแพงที่ย้ายร่วมทีมในพรีเมียร์ลีกในตลาดรอบนี้ อาทิ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าชาวอุรุกวัยที่ลิเวอร์พูลซื้อจากเบนฟิก้า 85 ล้านปอนด์ (3,655 ล้านบาท) ซึ่งค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีกปีนี้, มาร์ก คูคูเรย่า กองหลังไบรท์ตันที่ย้ายร่วมทีมเชลซีในราคา 63 ล้านปอนด์ (2,709 ล้านบาท), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ย้ายจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเชลซี ในราคา 50 ล้านปอนด์ (2,150 ล้านบาท), คาเซมิโร่ กองกลางชาวบราซิเลียนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซื้อจากรีล มาดริด ในราคา 60 ล้านปอนด์ (2,580 ล้านบาท) ซึ่งอาจขึ้นไปถึง 70 ล้านปอนด์ (3,010 ล้านบาท) ขึ้นอยู่กับผลงาน’